ไทยเบฟ ปรับทัพทีมผู้บริหารใหม่ ชี้ชัดบุคลากรมีความสามารถหลากหลาย พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตสู่ PASSION 2030

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหาร ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหาร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเรามีกลุ่มบุคลากรผู้มีความสามารถหลากหลาย และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรควบคู่ไปกับการมุ่งหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยความแข็งแกร่งของผู้บริหารสูงสุดในทุกกลุ่มธุรกิจ และการส่งเสริมบุคลากรที่โดดเด่นให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหาร เรามั่นใจว่ากลุ่มจะมีทีมผู้บริหารที่บริหารงานได้อย่างต่อเนื่องด้วยมุมมองใหม่ ๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างส่วนงานต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างทีมผู้นำที่พร้อมสำหรับอนาคตเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเราภายใต้ PASSION 2030

กลุ่มธุรกิจสุรา

• นายโสภณ ราชรักษา จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา เพิ่มเติมจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กรในปัจจุบัน โดยจะรับตำแหน่งต่อจากนายประภากร ทองเทพไพโรจน์ พร้อมกันนี้ นายโสภณจะยุติการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจโลจิสติกส์

นายโสภณ มีประสบการณ์จากการรับตำแหน่งต่างๆ ในกลุ่มทีซีซีมากว่า 20 ปี จึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเครือข่ายของกลุ่มที่ครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ด้วยแนวปฏิบัติที่ทันสมัยจากการทำงานที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยให้นายโสภณขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ ของไทยเบฟภายใต้ PASSION 2030 ได้เป็นอย่างดี

• นายทรงวิทย์ ศรีธรรม จะเข้ารับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจสุรา ประเทศไทย และจะยุติการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย โดยนายทรงวิทย์ได้ทำงานกับกลุ่มไทยเบฟมาเป็นเวลากว่า 16 ปี ซึ่งในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย นายทรงวิทย์ได้เสริมแกร่งสถานะของตราสินค้าเบียร์ช้างของไทยเบฟในตลาดประเทศไทย รวมถึงขับเคลื่อนธุรกิจเบียร์ให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นทั้งด้านรายได้และกำไร และผลักดันการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวสินค้าเบียร์อันพาสเจอไรซ์ของประเทศไทยเป็นครั้งแรก

• นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ จะยุติการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจสุรา หลังจากที่เป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจนี้มาเป็นเวลาแปดปี และมีบทบาทสำคัญในการขยายธุรกิจสุราของไทยเบฟสู่ระดับสากล โดยนายประภากรจะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศ และผู้บริหารสูงสุด การเงินและบัญชีกลุ่ม

การแต่งตั้งนายโสภณและนายทรงวิทย์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพให้กลุ่มธุรกิจสุรา เพื่อขับเคลื่อนการขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่อไป

กลุ่มธุรกิจเบียร์

• นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย แทนนายทรงวิทย์ ศรีธรรม และจะยุติการดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย โดยนางนงนุชมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับไทยเบฟมากว่าหนึ่งทศวรรษ และเคยได้รับบทบาทหน้าที่สำคัญต่าง ๆ ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของกลุ่มในประเทศไทย

สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

• นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทยจากเดิมที่เป็นผู้อำนวยการการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย โดยมารับตำแหน่งแทนนางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล

สายธุรกิจอาหาร

• นายไพศาล อ่าวสถาพร จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย จากเดิมที่เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด โดยมารับตำแหน่งแทนนายโสภณ ราชรักษา

สายงานบัญชี

• นายกฤษฎา วรรธนะภาคิน จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานบัญชีกลุ่ม จากเดิมที่เป็นผู้อำนวยการอาวุโส บัญชีกลุ่ม

สายธุรกิจโลจิสติกส์

• นายเทพศิริ เพ็งเที่ยง จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ สายธุรกิจโลจิสติกส์ จากเดิมที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายซัพพลายเชน บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด 

นายฐาปน กล่าวสรุปว่า “ด้วยความทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมผู้บริหาร และการสนับสนุนที่ดีอย่างต่อเนื่องของคณะกรรมการบริษัท เราเชื่อมั่นว่าไทยเบฟจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน และสร้างความสำเร็จในระยะยาวร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้ ภายใต้เส้นทางสู่การเติบโตบทใหม่ของกลุ่ม”